8 ข้อดี น่าคิด เมื่อคุณหันมาขี่มอเตอร์ไซค์

รถมอเตอร์ไซค์ หลายคนอาจจะเริ่มหันมองพาหนะชนิดนี้มากขึ้น ด้วยระยะหลังรถเมืองกรุงติดหนักมาก จนทำให้เราเสียเวลาบนถนน คนจำนวนไม่น้อยอาจคิดว่ามอเตอร์ไซค์มีดีแค่ในเรื่องการลดเวลาเดินทางเท่านั้น หากพวกมันยังมีข้อดีต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน จนเป้นสาเหตุว่า ทำไมจึงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย 1.ประหยัด ข้อแรกที่หลายคนคงทราบกันดีมายาวนาน เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ คือความประหยัดของมัน เครื่องยนตืขนาดเล็ก มีตั้งแต่ 100 ซีซี จนถึง พันกว่า ซีซี ทั้งหมด ล้วนมีขนาดเล็กกว่าเครื่องยนต์จากรถยนต์ทั้งสิ้น ความเล็กของเครื่องยนต์นี่เองทำให้คุณได้ความประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นมา เป็นเงาตามตัว นอกจากนี้ชิ้นส่วนที่มีเพียงตัวถัง ล้อ และเครื่องยนต์ ทำให้คุณประหยัดค่าบำรุงรักษาอีกด้วย 2.ขับสนุก ด้วยความเบาะเพียง 90-100 กก. สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กจ่ายตลาด และ มีน้ำหนักเปล่าเฉลี่ย 200 ก.ก. สำหรับ บิ๊กไบค์ทั้งหลาย มอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่ถือว่าเบามาก และมีกำลังล้นเหลือ เมื่อเทียบกับ กำลังเครื่องยนต์ที่ให้มาติดตัว นี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้ มอเตอร์ไซค์เร่งได้เร็วกว่ารถยนต์ พวกมันจึงขับสนุกมากกว่ารถยนต์หลายเท่าด้วยกัน โดยเฉพาะบรรดาบิ๊กไบค์ คุณจะพบสัจจะธรรมความมันส์ที่แท้จริง 3.จอดสะดวก เคยเสียเวลาวนหาที่จอดรถเป็นชั่วโมงใช่ไหม ปัญหานี้จะหมดไป เมื่อคุณมีรถมอเตอร์ไซค์ คู่ใจสักคัน การมีรถจักรยานยนต์อำนวยความสะดวกในการจอดค่อนข้างมาก คุณแทบจะแปะมันไว้ได้ทุกที่…

5 เปลี่ยน เปลี่ยนแล้วรถจะอยู่กับคุณได้อีกนาน

การดูแลบำรุงรักษาเบื้องต้นตามระยะทางของรถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์ เป็นยานพาหนะที่มีจำนวนการใช้งานมากที่สุด เพราะเป็นรถที่สามารถใช้งานได้ง่ายในระยะใกล้ๆ, คล่องตัวมากกว่าเมื่อใช้งานในเมือง, ทนทาน และดูแลรักษาง่าย แต่ก็ต้องดูแลให้ดีไม่ต่างกับรถยนต์ทั่วไปเหมือนกัน วันนี้เรามาดูกันว่า มีอะไรบ้างที่เราควรดูแลตามระยะทาง ตามนี้เลยครับ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง แน่นอนว่า การทำงานของเครื่องยนต์ก็ต้องมีน้ำมันเครื่องเข้าไปหล่อลื่น โดยน้ำมันเครื่องของรถมอเตอร์ไซค์นั้น ก็จะมีแบ่งเป็น 3 เกรดเหมือนกัน แต่ระยะทางในการเปลี่ยนถ่ายนั้นจะเร็วกว่าของรถยนต์ทั่วไป เพราะเครื่องยนต์มีจำนวนการใช้งานรอบที่มากกว่า การสะสมของอุณหภูมิในน้ำมันเครื่องจึงสูงกว่า แต่อ่างน้ำมันเครื่องมีขนาดเล็กนิดเดียว จึงทำให้ต้องเปลี่ยนเร็วกว่า ตามรอบดังนี้ครับ – น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% ระยะเปลี่ยนถ่ายแนะนำที่ 4,000 – 5,000 กิโลเมตร – น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ระยะเปลี่ยนถ่ายแนะนำที่ 2,000 – 3,000 กิโลเมตร – น้ำมันเครื่องเกรดพื้นฐาน ระยะเปลี่ยนถ่ายแนะนำที่ 1,500 – 2,000 กิโลเมตร เปลี่ยนน้ำหล่อเย็นหม้อน้ำ สำหรับจักรยานยนต์คันไหนที่มีการติดตั้งหม้อน้ำเพื่อระบายความร้อนด้วย ก็ต้องมีการใช้น้ำยาหล่อเย็นใส่เข้าไปที่หม้อน้ำด้วย และมันก็มีระยะทางในการเปลี่ยนถ่ายเช่นกัน โดยแนะนำให้เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 40,000 กิโลเมตร หรือทุก 3…

ทำไมคริสต์มาสต้องเป็นสีแดงกับเขียว เหตุผลที่ซานต้าเป็นคุณลุงพุงโล

ทำไมคริสต์มาสต้องเป็นสีเขียวกับสีแดงล่ะ ทำไมถึงเป็นคู่สีอื่นไม่ได้ แล้วในเมื่อไม่เคยมีใครเห็นซานตาคลอส ทำไมเราทุกคนถึงจำภาพลุงพุงโลกับหมวกแดงได้ทุกคน? วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจว่าทำไมคริสต์มาสถึงเป็นแบบนี้ จะเป็นยังไง เราไปดูกันเล้ยยยย (ที่ไม่ใช่นักสู้และนักซิ่ง) สีแดงกับเขียวที่จริงแล้วถูกเชื่อมโยงกับเทศกาลคริสต์มาสมาตั้งแต่โบราณกาล ซึ่งคู่สีนี้จะมาจากไหนไม่ได้ถ้าไม่ใช่มาจากต้นฮอลลี่ ฮอลลี่เป็นต้นไม้ที่สามารถออกดอกออกผลในฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะได้ ชาวเซลติกโบราณมองต้นฮอลลี่เป็นสัญลักษณ์ของผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ และนำต้นฮอลลี่ไปประดับบ้านในช่วงเหมายันเพื่อความสวยงามและความเชื่อว่าต้นฮอลลี่จะนำโชคลาภมาให้ และพืชผักจะงอกงามดีในปีที่จะมาถึง ในแง่ของศาสนา ต้นฮอลลี่เองก็สื่อถึงมงกุฎหนามของพระเยซู สีแดงของลูกฮอลลี่คือเลือดของพระเยซู และใบที่มีรูปทรงแหลมคมนั้นแทนมงกุฎหนามที่พระองค์สวมใส่เมื่อถูกตรึงกางเขน ในทางฝั่งของชาวโรมันนั้นก็ไม่ต่างกัน ต้นฮอลลี่ถูกนำมาประดับเพื่อบูชาเทพเจ้าดาวเสาร์ทุก ๆ ท้ายปีในวันที่ 17 ถึง 23 ธันวาคม เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไป สีเขียวและแดงของต้นฮอลลี่จึงเป็นภาพติดตาและสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ว่าเวลาแห่งเทศกาลใกล้เข้ามาถึงแล้วสำหรับชาวคริสต์ (และผู้ที่ชื่นชอบคริสต์มาส) ทุกคน แต่อันที่จริงแล้ว มันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป เราอาจจะคุ้นเคยกับซานตาคลอส คุณตาใจดีในชุดแดงที่ขี่เลื่อนหิมะนำทางด้วยกวางเรนเดียร์ 12 ตัวเพื่อให้ของขวัญกับเด็กดีในคืนที่ 24 ธันวาคม แต่ซานตาคลอสในอดีตนั้นไม่ได้ใส่ชุดแดงเสมอไป และไม่ใช่คุณตาหนวดขาวพุงโลอีกด้วย! ในอดีต รูปลักษณ์ของซานตาคลอสนั้นไม่แน่ไม่นอน บางทีเป็นหนุ่มผอมแห้งในชุดสีเขียวบ้าง สีน้ำเงินบ้าง โปสการ์ดคริสต์มาสในสมัยวิคตอเรียนนั้นนิยมใช้คู่สีแดงเขียว แดงน้ำเงิน น้ำเงินเขียว และน้ำเงินขาว แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อการตลาดของโคคา–โคล่าเข้ามาในปี คศ. 1931 ที่มาของซานตาคลอสที่เราคุ้นตากันนั้นจะยกความดีความชอบให้แก่ใครไม่ได้นอกจากบริษัทน้ำอัดลมชื่อดัง โคคา–โคล่า และนักวาดภาพประกอบ Haddon…

เช็คความพร้อม ก่อนออกทริป

10 จุดควรเช็ค ก่อนออกทริป สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมก่อนการออกเดินทางที่นอกจากเตรียมความพร้อมของผู้ขับขี่แล้วที่สำคัญไม่แพ้กันคือการตรวจเช็คสภาพของรถจักรยานยนต์ของเรานั่นเอง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างทางอันเนื่องมาจากการขาดความพร้อมของรถ และ รถไม่พร้อมสำหรับการใช้งาน เพื่อป้องกันเหตุเหล่านี้เรามาดูขันตอนการตรวจเช็ครถกันเลยดีกว่าว่าควรเช็คเกี่ยวกับอะไรบ้าง 1.เช็คสัญญาณไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และ แตรให้ใช้งานได้ปกติ สัญญาณไฟถือว่ามีความจำเป็นมากสำหรับการออกทริป ไม่ใช่แค่ใช้เป็นไฟส่องสว่างได้ในตอนกลางคืนอย่างเดียว แต่ สัญญาณไฟต่าง ๆ ยังสามารถใช้เเป็นสัญลักษณ์บอกเหตุต่าง ๆ ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้น ก่อนออกทริปหรือออกเดินทางทุกครั้ง ควรตรวจเช็คสัญญาณไฟว่ามีไฟตรงส่วนไหนติดหรือไม่ติดบ้าง เพราะมันจำเป็นมาก ๆ เลยทีเดียว ไม่ใช่แค่ไฟ ยังมีแตรที่ยังจำเป็นอีกด้วย เพราะช่วยเตือนอะไรหลาย ๆ อย่างได้ดีแน่นอน 2.ลองระบบแบรกรถทั้งหน้า และ หลังเช็คระดับน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับที่กำหนด นี้ก็เป็นอีกส่วนที่จำเป็นสุด ๆ ในส่วนที่ต้องตรวจเช็คให้ดีก่อนออกเดินทาง เพราะเบรกนี้มีประโยชน์มาก ๆ ในการหยุดรถ เพราะฉะนั้นก่อนออกทริป ออกเดินทางทุกครั้ง อย่าลืมตรวจเช็คให้ดีก่อนนะครับทุก ๆ ท่าน เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านและคนรอบข้าง 3.เช็คระยะฟรีครัชท์ดูว่าเมื่อบีบ และ เข้าเกยร์ได้นุ่มนวนหรือไม่ เป็นอีกส่วนที่ถือว่าสำคัญเหมือนกันสำหรับรถที่ต้องใช้ครัชท์ 4.เช็คโซ่ ไม่ตึงหือย่อนจนเกินไป 25-30 มม.…

ผลสำรวจกิจกรรมผู้บริโภคระหว่างท่องเที่ยว พบคนไทยใช้เวลากับโซเชียลมีเดียสูงสุดในเอเชีย

ใครๆ ก็ชอบอวดบนโลกโซเชียล – คนไทยมากถึง 70% ยอมรับว่าอัพรูปลงบนโซเชียลมีเดียเพื่ออวดเพื่อนๆ ค้นหาร้านอร่อยมากกว่าค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว – ร้านอาหารเป็นข้อมูลที่คนส่วนใหญ่นิยมค้นหาผ่านสมาร์ทโฟนมากที่สุดในระหว่างการท่องเที่ยว ไม่ยอมน้อยหน้าเพื่อนบนเฟซบุ๊ค – คนไทย 2 ใน 10 คน สารภาพว่าคอยติดตามเฟซบุ๊คของเพื่อนๆ เพื่อให้แน่ใจว่าโพสต์ท่องเที่ยวของตนเองดูเจ๋งกว่า เฟซบุ๊คครองแชมป์ – เฟซบุ๊คเป็นแอพพลิเคชันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่คนไทย โดย 95% ระบุว่าใช้เฟซบุ๊คมากที่สุดในระหว่างท่องเที่ยว  กรุงเทพฯ, 13 กรกฎาคม 2559 – Hotels.com™ เว็บไซต์และแอพพลิเคชันจองที่พักออนไลน์ชั้นนำ เผยผลสำรวจ Mobile Travel Tracker* (โมบายล์ ทราเวล แทร็คเกอร์) หรือผลสำรวจกิจกรรมที่ผู้บริโภคนิยมทำในระหว่างท่องเที่ยว สอบถามจากผู้บริโภค 9,200 คนใน 31 ประเทศทั่วโลก พบว่านักท่องเที่ยวโดยเฉลี่ยใช้เวลากับโทรศัพท์มือถือมากกว่าการนอนอาบแดดถึง 60% นอกจากนี้ยังนิยมใช้โซเซียลมีเดียเพื่อ “อวด” กิจกรรมในช่วงวันหยุดของตนเอง และใช้มือถือค้นหาร้านอาหาร รวมทั้งโพสต์ภาพและข้อความบนเฟซบุ๊คให้โดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมทริปอีกด้วย สมาร์ทโฟนมาแรงกว่าการอาบแดด เมื่อพูดถึงวันหยุด หลายคนอาจนึกถึงการนอนอาบแดดริมสระน้ำหรือเดินสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ แต่จากผลสำรวจ Mobile Travel Tracker พบว่าที่จริงแล้วผู้บริโภคใช้เวลาในระหว่างท่องเที่ยวไปกับโทรศัพท์มือถือมากกว่านอนอาบแดดถึง 60%…

Run In รถใหม่ ทำไมถึงต้องรันอิน

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่เมื่อหลายๆ คนถอยรถใหม่ป้ายแดงออกมา ต้องมีสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงในการใช้รถในระยะแรกคือ การรันอิน จึงกลายเป็นคำถามของไบค์เกอร์มือใหม่หลายๆ คนว่า ทำไมรถออกใหม่ ต้องรันอินก่อนในระยะแรก “ทำไมรถใหม่ต้องรันอิน ?” และมีผลดีที่ตามมาอย่างไร ตามไปอ่านด้วยกันเลยครับ   เริ่มแรกเราจะมาอธิบายกันก่อนว่า ทำไมรถใหม่ต้องรันอิน เมื่อรถถูกผลิตออกมาจากโรงงานแล้วย่อมมีการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ หรือรันอินมาในระดับหนึ่งจากโรงงาน ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าเพียงพอแล้ว แต่อาจจะยังไม่มากพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่มีโหลดหรือภาระในการใช้งานที่มากกว่า เมื่อเครื่องยนต์ที่สดใหม่จากโรงงานชิ้นส่วนภายในที่เพิ่งจะเริ่มทำงานกันใหม่ๆย่อมยังขาดความเข้าที่เข้าทางของชิ้นส่วนโลหะภายในเครื่องยนต์ และน้ำมันเครื่องที่ยังไหลไปเลี้ยงชิ้นส่วนต่างๆ ยังไม่ทั่วถึงระบบในเครื่องยนต์ได้ 100% ทำให้สิ่งที่ตามมา คือ การเสียดสีของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์โดยที่ยังไม่เข้าที่ ทำให้อาจมีเศษโลหะเล็กๆ หลุดลอดออกมาสร้างความเสียหายกับชิ้นส่วนหลักๆ ได้ โดยอีกหนึ่งเหตุผลหลักๆ ของการที่รถใหม่ต้องรันอิน คือ การทำให้ชิ้นส่วนโลหะต่างๆ ภายในเครื่องยนต์เกิดการเสียดสีกัน จนมีหน้าสัมผัสของชิ้นส่วนต่างๆ ไปในทิศทางเดียวกันให้มากที่สุดก่อน จากนั้นเมื่อครบรอบเซอร์วิสครั้งแรก ที่ต้องถ่ายน้ำมันเครื่องออก โดยระยะแรกหลักๆ คือ 1,000 กิโลเมตร โดยจะสังเกตได้ง่ายๆ คือ น้ำมันเครื่องที่ถูกถ่ายออกมา อาจมีเศษโลหะเล็กๆ ไหลปนออกมา นั่นก็เพราะเกิดจากชิ้นส่วนโลหะภายในเครื่องยนต์เกิดการเสียดสีในระยะแรก ก่อนที่หน้าสัมผัสของแต่ละชิ้นส่วนจะไปในทิศทางเดียวกัน วิธีรันอินที่ถูกต้องคือ เริ่มแรกเลยเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว ควรรอสักพักเพื่อให้น้ำมันเครื่องที่ไหลลงไปอยู่ที่ก้นอ่าง ไหลขึ้นมาให้ทั่วเครื่องยนต์เสียก่อน จากนั้นในการขับขี่ไม่ควรใช้รอบสูง หรือถ้าเจอเหตุที่ต้องใช้ความเร็วจริงๆ…

New Normal Skills: 5 ทักษะจำเป็นที่คนทำงานควรมี

วิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจต่างต้องเร่งปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ในด้านทรัพยากรบุคคลเอง หลายองค์กรต้องปรับกลยุทธ์การสรรหาครั้งใหญ่ โดยกลับมาทบทวนว่าอะไรคือทักษะและคุณลักษณะสำคัญของพนักงานที่องค์กรต้องการจริง ๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งแน่นอนว่าชุดทักษะที่องค์กรต้องการ ก่อนและหลังโควิด-19 ย่อมแตกต่างไปจากเดิม จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คนทำงานต้องปรับตัวและปรับทักษะให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น ทักษะที่จะเป็นที่ต้องการขององค์กรในยุค new normal 1. Digital Skill วิกฤตโควิด-19 ทำให้หลายองค์กรต้องปรับตัวสู่ดิจิทัลมากขึ้น ทักษะที่องค์กรมองหาจากผู้สมัครและพนักงานก็คือทักษะทางด้านดิจิทัล ทักษะนี้นอกจากจะเป็นทักษะที่พนักงานด้าน IT และดิจิทัลต้องมีแล้ว พนักงานในวงการอื่นก็ควรต้องมีทักษะดิจิทัลด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น วันนี้หากคุณเป็นพนักงาน HR ก็ต้องพยายามปรับตัวสู่ดิจิทัลมากขึ้น ต้องสามารถใช้เครื่องมือดิจิทัลในการสรรหาและสัมภาษณ์งานผ่านออนไลน์ได้ ต้องมีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานในการทำงานกับเทคโนโลยี data analytics ทักษะดิจิทัลเป็นทักษะสำคัญที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นทักษะจำเป็นที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวคุณเอง และช่วยให้คุณปรับตัวสู่ความปกติใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น Candidate Tips: ลองหาเวลาพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล เช่น อาจลงคอร์สเรียนออนไลน์และสอบ certificate ด้านดิจิทัลเพิ่มเติม หรือหาโอกาสเสนอตัวทำงานในโปรเจกต์ที่เกี่ยวกับดิจิทัลมากขึ้นเพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเอง และระบุทักษะและประสบการณ์ที่คุณมีเหล่านั้นลงในเรซูเม่ 2. Resilience & Adaptability ท่ามกลางความไม่แน่นอนและความเปลี่ยนแปลง ทักษะที่จะเป็นที่ต้องการมากคือความสามารถในการยืดหยุ่นและการปรับตัว คงไม่มีองค์กรใดที่ต้องการพนักงานที่เอาแต่บ่น จมอยู่กับปัญหา และยึดติดกับสิ่งเดิม ๆ ในขณะที่องค์กรกำลังเจอกับความท้าทายใหม่…

ขับรถมอเตอร์ไซค์ไม่มีใบขับขี่แล้วเกิดอุบัติเหตุ เคลมประกันได้หรือไม่

ขับรถมอเตอร์ไซค์ไม่มีใบขับขี่แล้วเกิดอุบัติเหตุ เคลมประกันได้หรือไม่   ทุกวันนี้รถจักรยานยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งยานพาหนะที่เรียกได้ว่าเห็นกันอย่างหนาตา เนื่องจากเป็นยานพาหนะที่สามารถซอกแซกได้ มีความรวดเร็ว จึงทำให้ใครหลายๆ คนนิยมหันมาใช้เพื่อที่จะไปทำงาน หรือไปเรียนได้ทันเวลา ขับรถมอเตอร์ไซค์ไม่มีใบขับขี่แล้วเกิดอุบัติเหตุ เคลมประกันได้หรือไม่? ต้องยอมรับว่ารถมอเตอร์ไซค์เป็นรถที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่ายานพาหนะชนิดอื่นๆ มีหลายต่อหลายคนที่เวลาขับขี่รถมอไซค์แล้วเกิดอุบัติเหตุ โทรเรียกบริษัทประกันแล้วบริษัทประกันภัยขอใบขับขี่ แต่เราดันลืมพกใบขับขี่ หรือใบขับขี่หมดอายุแล้วไม่มีเวลาไปต่อ คงอดสงสัยไม่ได้ว่า เฮ่ย! บริษัทประกันเคลมให้รึเปล่า? เรามาดูกัน ถ้าเราไม่เคยมีใบขับขี่เลย อันนี้เป็นข้อยกเว้นของบริษัทประกันภัย ทางบริษัทประกันภัยจะไม่รับผิดชอบความเสียหายทั้งร่างกาย ทรัพย์สินของเรา แต่ในส่วนของความเสียหายทั้งร่างกาย ทรัพย์สินของคู่กรณีบริษัทประกันภัยรับผิดชอบตามความคุ้มครอง มีใบขับขี่แต่เราไม่ได้พกไว้ตอนขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ กรณีนี้บริษัทประกันภัยคุ้มครองทั้งเราและคู่กรณีตามความคุ้มครอง ถ้าเราพกใบขับขี่ แต่ใบขับขี่หมดอายุ กรณีนี้บริษัทประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ก็คุ้มครองทั้งเราและคู่กรณี ถ้าใบขับขี่เราถูกยึด กรณีนี้บริษัทประกันภัยก็คุ้มครองรับผิดชอบทั้งเราและคู่กรณี สรุปเลยว่าคนที่ไม่เคยมีใบขับขี่เลยคือไม่เคยสอบ หรือมีใบขับขี่แต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมายบริษัทประกันภัยจะไม่รับผิดชอบเรา ดังนั้นถ้าเรามีใบขับขี่แต่ลืมพกหรือพกแต่หมดอายุ ไม่ต้องกังวลใจกันเลย ขอบคุณข้อมูลจาก: masii

ก่อนซื้อมอเตอร์ไซค์ป้ายแดง ต้องดูอะไรบ้าง

ต้องขอบอกเลยว่า รถจักรยานยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์ เป็นอีกหนึ่งยานพาหนะที่มีคนใช้ขับขี่บนท้องถนนค่อนข้างมาก เพราะมีขนาดกะทัดรัด ขับได้คล่องแคล่ว ว่องไว สามารถขับซอกแซกตามการจราจรที่ติดขัดได้ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ถึงหันมาออกรถมอเตอร์ไซค์ใหม่กันมากขึ้น วันนี้ masii เลยได้นำเทคนิคดีๆ ในการตรวจรับรถมอเตอร์ไซค์มาฝากกัน มาดูกันสิว่า ก่อนซื้อมอเตอร์ไซค์ป้ายแดง ต้องดูอะไรบ้าง  ก่อนซื้อมอเตอร์ไซค์ป้ายแดง ต้องดูอะไรบ้าง 1. เลือกรถมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะกับเรา ก่อนจะซื้อรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ ก็ต้องรู้ก่อนว่าเราอยากได้รถมอเตอร์ไซค์แบบไหน ใช้งานยังไงบ้าง เพราะรถมอเตอร์ไซค์นั้นมีหลายแบบหลายประเภท ซึ่งแบ่งออกไปตามลักษณะการใช้งานของผู้ขับขี่ เช่น รถมอเตอร์ไซค์ครอบครัว รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ต รถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้ ไปจนถึง รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ซึ่งเราก็ลองสำรวจตัวเองดูว่าชอบรถมอเตอร์ไซค์แบบไหน จะเป็นสายซิ่ง หรือเน้นใช้งานอย่างเดียว ก็ลองเลือกรถมอเตอร์ไซค์ที่ตอบโจทย์ตัวคุณเองได้มากที่สุด 2. มองหาสินเชื่อหรือไฟแนนซ์ที่ช่วยในการผ่อนรถ เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าอยากซื้อรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ ยี่ห้อนี้ ต่อไปก็เป็นขั้นตอนของการไปที่ร้านขายมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับเลือกรูปแบบการชำระเงิน จะจ่ายสดหรือจ่ายผ่อนก็ได้ แต่หากเลือกการชำระแบบผ่อน ก็ต้องทำเรื่องกู้เงินเพื่อซื้อรถมอเตอร์ไซค์กับสินเชื่อหรือไฟแนนซ์ที่น่าเชื่อถือ โดยควรศึกษารายละเอียดให้ดีว่าในสัญญามีข้อตกลงเป็นแบบใด ต้องใช้เงินดาวน์เท่าไร ราคาค่างวดที่ต้องผ่อนต่อเดือนและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ที่เราสามารถผ่อนไหวหรือไม่ เป็นต้น 3. เช็กสภาพรถว่าพร้อมใช้งานไหม เมื่อขั้นตอนการซื้อรถมอเตอร์ไซค์ป้ายแดงผ่านพ้นสำเร็จไปด้วยดี คราวนี้ก็ถึงช่วงเวลาออกรถแล้วล่ะ โดยก่อนที่จะนำรถออกจากศูนย์หรือร้านขายมอเตอร์ไซค์ เราควรตรวจเช็กรถมอเตอร์ไซค์ให้มีสภาพการใช้งานได้พร้อมมากที่สุด โดยเริ่มจากตรวจเอกสารใบทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ว่าครบไหม…

12 ข้อง่ายๆ เช็คความพร้อมมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเอง

  12 ข้อง่ายๆ เช็คความพร้อมมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเอง มอเตอร์ไซค์เป็นเพื่อนคู่กายยามทำงานของพาร์ทเนอร์แกร็บไบค์ทุกคน พี่ๆเคยเช็คสุขภาพของเจ้ามอเตอร์ไซค์คูกายกันมั้ยเอ่ยว่าพร้อมที่จะออกทำเงินไปด้วยกันมากแค่ไหน และสำหรับพี่ๆ ที่ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน พวกเรามีรายการตรวจสอบง่ายๆที่ทำได้ด้วยตัวเองลองทำตามไปทีละข้อเลยค่ะ 1. น้ำมัน เปิดดูถังน้ำมันว่ามีน้ำมันเหลือมากน้อยเพียงพอต่อการเดินทางหรือไม่ 2. น้ำมันเครื่อง ตรวจเช็คน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในระดับที่กำหนดหรือไม่ และเช็คความสะอาด และความหนืดของน้ำมันเครื่อง เพื่อลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ 3. ยาง ตรวจดูว่ายางทั้ง 2 ล้อมีหิน หรือตะปูติดอยู่ที่ร่องยางหรือไม่ มีรอยสึก หรือรอยฉีกขาดหรือไม่ และตรวจสอบความดันลมว่าแข็ง หรืออ่อนเกินไปหรือไม่ 4. โซ่ หยอดน้ำมันโซ่ และตรวจสอบความตึงของโซ่ให้หย่อนประมาณ 10-20 มิลลิเมตร 5. เครื่องยนต์ ตรวจเครื่องยนต์ว่ามีรอยรั่วที่ส่วนใดบ้าง และมีน้ำมันเครื่องหล่อลื่นเพียงพอหรือไม่ 6. เบรค ทดสอบเบรกหน้า และหลังว่าใช้งานได้ปกติหรือไม่ 7. คลัทช์ ใช้มือบีบเพื่อตรวจสอบการทำงานของคลัทช์ และตรวจดูสายคลัทช์ว่าหลุดหรือขาดบ้างหรือไม่ 8. ระบบไฟ และแตร ตรวจสอบทั้งไฟหน้า และไฟเลี้ยวทั้ง 2 ข้าง และแตรว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ 9. แบตเตอรี่…