9 ฟังก์ชันเด่นของแอปพลิเคชั่น Yamaha Y-Connect ที่ไม่ควรพลาด!

Yamaha Y-Connect Application เชื่อมต่อชีวิตสมาร์ทสุดล้ำ แอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อข้อมูลรถผ่าน CCU ช่วยให้สามารถรับรู้ข้อมูลต่างๆ ของรถ และการขับขี่ได้บนมือถืออย่างง่ายดาย ด้วยโหมดฟังก์ชันต่างๆ ในการใช้งานอย่างครบครัน รถจักรยานยนต์ยามาฮ่าที่มี Yamaha Y-Connect Application มีดังนี้ Yamaha AEROX Yamaha NMAX Connected Yamaha R15/R15M Connected Yamaha Fazzio Hybrid Connected Yamaha Grand Filano Hybrid Connected   9 ฟังก์ชัน Yamaha Y-Connect Application ช่วยให้หมดกังวลในการใช้งาน สะดวกสบาย สนุกเร้าใจในการขับขี่ *ทำงานเมื่อเชื่อมต่อ Yamaha Y–Connect เท่านั้น 1. METER INDICATOR – แจ้งเตือนการติดต่อเข้ามือถือ Yamaha Y-Connect Application บนจอหน้าปัดรถเมื่อมีสายเรียกเข้า อีเมลหรือข้อความเข้ามือถือ จะมีสัญญาณกระพริบแจ้งเตือน และแสดงระดับแบตเตอรี่มือถือบนจอหน้าปัดเรือนไมล์รถ พร้อมอัพเดทเวลาอัตโนมัติตามมือถือเมื่อเชื่อมต่อ…

แนะสิ่งของนำโชค 3 สิ่ง 3 วิธี ของ พ่อค้า-แม่ขาย

พกติดตัว เรียกทรัพย์ เรียกลูกค้าแนะ 3 สิ่ง 3 วิธี สำหรับพ่อค้าแม่ค้า เพื่อเสริมการค้าขาย เรียกลูกค้า เรียกทรัพย์ โดยให้นำของ 3 สิ่งนี้ใส่ในถุงซิปล็อก แล้วพกติดตัวไว้ในกระเป๋าเงิน ลองทำดูไม่เสียหาย (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ) 3 สิ่งของ 1.เส้นด้ายสีแดง 8 เส้น นำด้ายสีแดงจำนวน 8 เส้น ความยาวประมาณ 1 คืบ พกไว้ในกระเป๋าเงิน เชื่อว่า จะนำพาความรักจากผู้คนมาสู่เรา เพราะสีแดงเป็นสีแห่งความรัก ความเข้าใจ และคำว่า “ด้าย” พ้องเสียงกับคำว่า “ได้” หมายถึง “การทำได้” หรือ “การทำสำเร็จ” ส่วนเลข 8 เป็นเลขมงคลที่เสริมในเรื่องของการเงินซึ่งจะทำให้ค้าขายรุ่งเรือง 2.เหรียญสิบบาท 1 เหรียญ เหรียญสิบมีทั้งสีเงินและสีทองซึ่งเปรียบเสมือนการมีเงิน มีทองอยู่ในกระเป๋า เชื่อว่าเป็นการกระตุ้นทรัพย์ เรียกทรัพย์ให้ไหลมาเทมาอย่างไม่ขาดสาย 3.ใบมะยม 3 ใบ…

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน มอเตอร์ไซค์ คืออะไร และวิธีคำนวณเป็นแบบไหน

ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงต้องคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันด้วย ในเมื่อขี่รถจักรยานยนต์ แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า มันสามารถช่วยให้เราคำนวณค่าอื่นๆ ที่จะช่วยให้เราเดินทางได้อย่างมีความสุขและสบายใจมากยิ่งขึ้นในยุคที่น้ำมันแพงแบบนี้ วันนี้เราจึงจะพาไปหาคำตอบกันว่า การคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ต้องทำอย่างไร?? วิธีการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน การคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน สามารถคำนวณได้จากตัวเลข 2 ค่า ได้แก่ ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ไปและระยะทางที่รถมอเตอร์ไซค์วิ่งไป โดยมีวิธีดังนี้ 1.ตั้งรถมอเตอร์ไซค์ให้ตรงแล้วเติมน้ำมันให้เต็มถังที่สุดเท่าที่จะทำได้ 2.บันทึกเลขระยะทางที่รถมอเตอร์ไซค์วิ่งไปบนมาตรวัดไว้ 3.ขี่รถมอเตอร์ไซค์ตามการใช้งานปกติ 4.เติมน้ำมันให้เต็มถังที่สุดเท่าที่จะทำได้อีกครั้ง หลังจากน้ำมันหมดไปสัก 1/4 หรือ 1/2 ของถังน้ำมัน 5.บันทึกปริมาณน้ำมันที่เติมไปใหม่ ซึ่งจะนับเป็น ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ไป 6.นำตัวเลขระยะทางที่รถมอเตอร์ไซค์วิ่งไปบนมาตรวัดไปลบกับเลขเดิมที่บันทึกไว้ ซึ่งจะนับเป็น ระยะทางที่รถมอเตอร์ไซค์วิ่งไป 7.คำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยนำเลขระยะทางที่รถมอเตอร์ไซค์วิ่งไปมาหารด้วยปริมาณน้ำมันที่ใช้ไป ตัวอย่างการคำนวณอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน สมมติเลขระยะทางที่รถมอเตอร์ไซค์วิ่งไปบนมาตรวัดรอบแรก (ข้อ 2) คือ 10,000 กิโลเมตร เติมน้ำมันเต็มถังที่ 5 ลิตร นำรถมอเตอร์ไซค์ไปใช้งานตามปกติจนน้ำมันลดลงครึ่งถังและเติมน้ำมันเต็มถังอีกครั้ง โดยเติมเพิ่มไป 2.5 ลิตร และพบว่าเลขระยะทางที่รถมอเตอร์ไซค์วิ่งไปบนมาตรวัดเป็น 10,060 กิโลเมตร แปลว่า มอเตอร์ไซค์วิ่งไปแล้วทั้งหมด 60 กิโลเมตร โดยใช้น้ำมัน 2.5…

รู้หรือไม่ เบรคมอเตอร์ไซค์จม เบรคไม่อยู่ มีสาเหตุมาจากอะไร?

หนึ่งในเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เชื่อว่าไบค์เกอร์หลายคนต้องเคยเจอ คือขี่รถมอเตอร์ไซค์มาด้วยความเร็วและเมื่อถึงจังหวะต้องหยุดกลับเบรคจม หรือถ้าอาการหนักหน่อยก็อาจจะถึงกับเบรคมอเตอร์ไซค์ไม่อยู่จนเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ แล้วอาการเบรคจมที่อันตรายอย่างนี้มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง ไปหาคำตอบกันดีกว่า อาการเบรคจมเป็นอย่างไร? ปกติเวลาเหยียบเบรคหรือกำเบรคเพื่อหยุดรถมอเตอร์ไซค์ เราออกแรงแค่นิดเดียวเบรคก็จะทำงาน และถ้าเราออกแรงเยอะเบรคก็จะทำงานเยอะขึ้นและรถก็จะหยุดเร็วตามไปด้วย แต่ถ้ารถมอเตอร์ไซค์คันไหนมีอาการ ‘เบรคจม’ หรือเบรคต่ำ แป้นเบรคหรือก้านเบรคที่เคยแข็งจะจมลึกกว่าปกติจนต้องออกแรงมากกว่าที่เคย หรือต้องใช้เบรคซ้ำๆ ถึงจะสามารถหยุดหรือชะลอรถมอเตอร์ไซค์ได้ สาเหตุของอาการเบรคจมและวิธีแก้ไข 1.ชิ้นส่วนในระบบเบรคเสื่อมสภาพ เบรคจมเกิดจากอะไร? สาเหตุหลักของอาการเบรคจมเกิดจากการเสื่อมสภาพและสึกหรอของชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบเบรคมอเตอร์ไซค์ เช่น ปั๊มเบรคตัวบนเสื่อมสภาพจนประสิทธิภาพในการอัดแรงดันน้ำมันเบรคลดลง ทำให้ต้องย้ำเบรคหรือออกแรงเบรคมากกว่าปกติ วิธีแก้ไขคือทำการซ่อมชุดแม่ปั้มหรือเปลี่ยนปั๊มเบรคใหม่ รวมถึงจานเบรคสึกหรอหรือผ้าเบรคหมด ซึ่งทำให้เกิดระยะห่างระหว่างผ้าเบรคกับจานเบรคและแรงเสียดทานในการเบรคลดลง หากสงสัยว่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้สามารถเช็กเพื่อความมั่นใจได้โดยดูที่ระดับน้ำมันเบรค เพราะเมื่อผ้าเบรคเริ่มบางน้ำมันเบรคจะถูกดึงไปช่วยดันผ้าเบรค มากกว่าปกติ ถ้าพบว่าน้ำมันเบรคพร่องลงไปเกินครึ่งแนะนำให้เปลี่ยนผ้าเบรคและทำความสะอาดจานเบรค 2.อากาศเข้าไปแทนที่น้ำมันเบรคมากเกินไป ถ้ามอเตอร์ไซค์มีอาการเบรคจมแต่ชิ้นส่วนในระบบเบรคมอเตอร์ไซค์ยังอยู่สภาพปกติ ไม่มีชิ้นส่วนใดเสียหายหรือเสื่อมสภาพ เป็นไปได้ว่าอาการเบรคจมนั้นอาจเกิดจากการที่มีอากาศเข้าไปอยู่แทนที่น้ำมันเบรคมากเกินไป ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการเติมน้ำมันเบรคเพื่อไล่ลมเบรคออกให้หมด และเหลือไว้เฉพาะน้ำมันเบรคใหม่ที่เติมเข้าไป 3.เบรคค้างโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันระบบเบรคที่ใช้ในมอเตอร์ไซค์ส่วนมากจะเป็นระบบดิสก์เบรค (Disc Brake) ซึ่งมีหลักการทำงานคือ เมื่อกดเบรกแม่ปั๊มจะดันผ้าเบรคไปหนีบกับจานเบรกของล้อรถ ส่งผลให้ความเร็วของรถถูกชะลอและหยุดในที่สุด ระบบเบรกแบบนี้อาจเกิดอาการเบรคค้างโดยไม่รู้ตัวและเป็นสาเหตุของอาการเบรคมอเตอร์ไซค์จมได้ เช่น ถ้าเราเอามือวางที่ก้านเบรคหรือเท้าวางบนแป้นเบรคแล้วเผลอออกแรงจนเหมือนกำเบรคตลอดเวลา ผ้าเบรคอาจจะร้อนเกินทำให้น้ำมันเบรคเดือด นานๆ ไป ผ้าเบรคก็จะบางและน้ำเบรคก็จะหายไป ทำให้เกิดอาหารเบรคจม อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เบรคค้างได้ก็คือขาคาร์ลิเปอร์มีสิ่งสกปรกเข้าไปติดขัด ทำให้เบรคติด ผ้าเบรคมีการเสียดสีตลอดเวลา และทำให้น้ำมันเบรคเดือดเช่นกัน หากสงสัยว่าอาการเบรคจมเกิดจากเบรคค้างโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่าให้ลองสังเกตที่จานเบรก…

วิธีดูแลรถมอเตอร์ไซค์ออโตเมติกคู่ใจให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

ปฏิเสธไม่ได้ว่ารถมอเตอร์ไซค์ออโตเมติก หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า รถเกียร์ออโต้ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะขับขี่ง่าย สะดวกสบาย สามารถเก็บของได้เยอะ มีความคล่องตัวในการขับขี่ ทั้งในเมืองและในสภาพการจราจรที่หนาแน่น อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้หลากหลายอีกด้วย เรียกได้ว่าครบเครื่องในคันเดียวเลยก็ว่าได้ วันนี้เราเลยมีวิธีดูแลรถมอเตอร์ไซค์ที่เป็นระบบออโตเมติกมาบอกต่อกัน เพื่อให้รถจักรยานยนต์คู่ใจของคุณพร้อมใช้งานอยู่เสมอ วิธีดูแลรถมอเตอร์ไซค์ออโตเมติก สำหรับรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติก นอกเหนือจากการดูแลเครื่องยนต์เบื้องต้นทั่วไป เช่น การตรวจเช็กน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะอย่างต่อเนื่อง และควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติก การตรวจเช็กระบบไฟฟ้า แบตเตอรี ตรวจสอบลมยางและแรงดันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงดูแลรักษาสภาพยางนอกทั้งสองล้อให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังมีส่วนของระบบขับเคลื่อนที่มีกลไกการทำงานที่เจ้าของรถต้องหมั่นดูแลรักษาพอๆ กับเครื่องยนต์ ดังนี้ 1.สายพาน เมื่อพูดถึงวิธีดูแลรถจักรยานยนต์ออโตเมติก ระบบสายพานคือสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ที่คนเป็นเจ้าของรถต้องคอยตรวจสอบอยู่เสมอ โดยทั่วไปอายุการใช้งานของสายพานจะอยู่ที่ระยะประมาณ 24,000 กิโลเมตรขึ้นไป แต่ก็อาจจะสามารถเสื่อมสภาพก่อนกำหนดได้เช่นกัน ดังนั้น ถ้าพบว่าสายพานเสื่อมสภาพก็ควรเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ หรือแม้แต่อุบัติเหตุต่อตัวผู้ขับขี่เอง 2.ผ้าคลัตช์ ลำดับต่อมาที่เจ้าของรถจักรยานยนต์ออโอเมติกไม่ควรมองข้ามก็คือ ผ้าคลัตช์ หากพบว่าอยู่ในสภาพสึกหรอจนบางกว่า 2 มิลลิเมตร นั่นหมายความว่าถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนผ้าคลัตช์ได้แล้ว 3.ไส้กรองอากาศชุดสายพาน แนะนำว่าควรทำความสะอาดทุกๆ ระยะ 3,000 กิโลเมตร 4.น้ำมันเฟืองท้าย ควรตรวจสอบการรั่วซึม เมื่อใช้งานรถจักรยานยนต์ออโตเมติกครบระยะ 1,000 กิโลเมตรแรก การบำรุงรักษาและควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้ายทุกๆ ระยะที่ระบุอยู่ในคู่มือผู้ใช้งานประจำรถกำหนด

5 ทริป ขับรถเที่ยวหน้าฝน

หน้าฝนแบบนี้การท่องเที่ยวแนวธรรมชาติน่าจะเหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเดินป่า ขึ้นเขา หรือลุยน้ำตก เพื่อนๆ ก็จะได้พบความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอย่างที่หาจากฤดูไหนไม่ได้ ลองจินตนาการดูสิว่าถ้าได้ตื่นมาโดยมีทะเลหมอกหนาๆ ในตอนเช้าโอบล้อมรอบตัว รวมถึงอากาศเย็นๆ ในวันฝนตก สูดไอดินกลิ่นธรรมชาติจะฟินขนาดไหน 1.ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ ภูสอยดาว เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ ที่เหล่านักเดินป่าต่างนิยมไปกัน ซึ่งในชวงฤดูฝนจะมีสายหมอกลอยต่ำลงมาปกคลุมทั่วทั้งป่า บวกกับต้นไม้ที่มีความขจีเชิญชวนน่าสัมผัส นอกจากนี้ยังมีดอกหงอนนาคก็ผลิดอกให้เห็นกันในช่วงนี้ด้วย ทำให้ภูสอยดาวเป็นแหล่งท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งเลยทีก็ว่าได้ 2.ขุนสถาน จังหวัดน่าน ขุนสถาน เป็นสถานที่อันเงียบงบ ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน ยิ่งในช่วงฤดูฝน จะมีอากาศอันหนาวเย็น เต็มไปความเขียวขจีของภูเขาและต้นไม้ ความสวยงามของทะเลหมอก และบรรยากาศแสนสดชื่น ใครที่ชอบความสงบ แนะนำว่าลองไปเที่ยวขุนสถานช่วงหน้าฝน รับรองว่า ฟินกับธรรมชาติแบบเต็มปอดกันแน่นอน 3.บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก จังหวัดกาญจนบุรี บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยหมอกปกคลุมในช่วงฤดูฝน ทำให้อากาศเย็นสบาย เต็มไปด้วยความสงบที่หาได้ยากมาก เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบจริงๆ นอกจากนี้ยังมีแลนมาร์กห้ามพลาดอย่าง จุดชุมทะเลหมอกบนเนินช้างศึก ใครที่อยากโอบกอดทะเลแบบฟินๆ ลองไปสักครั้งไม่มีผิดหวังแน่นอน 4.ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก ใครที่ชอบกิจกรรมแอดเวดเจอร์ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ คงหนีไม่พ้น การล่องแก่งแน่นอน และกิจกรรมล่องแก่งที่ท้าทายบนสายน้ำที่เชียวกรอก ก็ต้องเป็นลำน้ำเข็กแห่งนี้ เพราะสนามล่องแก่งอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่มีความสนุกมาก…

เลือกน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ให้เหมาะกับเครื่องยนต์

อาจมีหลายคนที่ยังไม่รู้ว่า น้ำมันเครื่องที่เราใส่ๆลงไปในเครื่องยนต์นั้นแบ่งออกเป็นหลายเกรด และหลายประเภท แล้วเราควรจะใส่น้ำมันเครื่องแแบบไหนลงไปในเครื่องของเรา ควรจะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับรถ และมีประสิทธิภาพมากที่สุด น้ำมันเครื่องแบ่งออกเป็น 3 ชนิดด้วยกัน 1. น้ำมันเครื่องแบบธรรมดา ตรงตัวเลย น้ำมันเครื่องชนิดนี้ก็คือที่กันอยู่ทั่วๆไปเพราะราคาไม่สูง ต่างกับระดับพรีเมี่ยมอยู่พอสมควร เหมาะสำหรับรถสี่จังหวะที่ใช้งานทั่วไปทุกวัน ไม่หนักมาก อย่างเช่นรถที่ขับไปมาระหว่างบ้านกับที่ทำงาน ไปตลาด หรือเที่ยวเล่นในเมือง 2. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic) เป็นการนำสารเคมีลงไปเพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีกว่าแบบธรรมดา แต่ก็ยังไม่ดีเท่าแบบที่ 3 ซึ่งเป็นแบบสังเคราะห์ น้ำมันเครื่องชนิดนี้จะให้ประสิทธิภาพการทำงานได้ดีกว่า มีอายุการใช้งานที่นานกว่าแบบธรรมดา เหมาะสำหรับรถที่ต้องใช้งานหนัก รวมไปถึงคนทั่วๆไปที่เล่นรถ และต้องการสมรรถภาพที่ดีกว่าแบบธรรมดา แต่ยังไม่อยากจ่ายในราคาที่สูงเกินไป 3. น้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์ (100% Synthetic / Fully Synthetic) น้ำมันเครื่องชนิดนี้จะใส่สารเคมีลงไป 100% เพื่อให้เหมาะกับเครื่องยนต์ และสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพราะผ่านการวิจัยมาแล้ว มีอายุการใช้งานที่นานกว่าแบบอื่นๆ รวมไปถึงราคาที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน ไว้ใช้กับรุ่นที่ใช้งานหนัก ต่อเนื่องนานๆ และต้องเน้นเรื่องสมรรถภาพที่เสถียรอย่างสายทัวร์ริ่ง เป็นต้น

ลมยางรถมอเตอร์ไซค์ เติมเท่าไรถึงดี? และปลอดภัย

ทำความรู้จักลมยางมอเตอร์ไซค์และความสำคัญของลมยาง ลมยางมอเตอร์ไซค์ คืออากาศที่ถูกอัดเข้าไปในยางในมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 ล้อ เพื่อสร้างแรงดันภายในยางใน ช่วยให้ยางในและยางล้อคงรูป และสามารถมีความแข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักรถและผู้ขับขี่ได้ และยังส่งผลต่อความนุ่มนวล ความคล่องตัวขณะขี่มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประสิทธิภาพในการยึดเกาะพื้นถนนของยางล้ออีกด้วย โดยการเติมลมยางด้วยแรงดันที่เหมาะสมจะช่วยให้รถมอเตอร์ไซค์ยึดเกาะถนนได้ดี ทำให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้น ลมยางมอเตอร์ไซค์เติมเท่าไรดี หากใครเคยเติมลมยางมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเองตามปั๊มน้ำมัน จะเห็นว่าก่อนเติมนั้นต้องกดเลือกค่าความดันก่อน ซึ่งความดันลมยางปกติที่ใช้กันบนท้องถนนสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ตามคู่มือแนะนำจะอยู่ที่ 28-40 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI) แต่ก็สามารถปรับให้เหมาะกับการใช้งานหรือความชอบส่วนตัวได้ วิธีดูปริมาณลมยางที่เหมาะสมกับรถมอเตอร์ไซค์ของเรา สำหรับไบเกอร์มือใหม่ที่อาจจะยังไม่รู้ว่าการดูปริมาณลมยางที่เหมาะสมกับรถมอเตอร์ไซค์ของเรานั้นต้องดูอย่างไร ก็สามารถดูได้ด้วยตัวเองง่ายๆ เพราะรถมอเตอร์ไซค์ทุกคันจะมีสติ๊กเกอร์บอกปริมาณของลมยางที่ต้องเติมไว้ โดยจะแปะอยู่บริเวณสวิงอาร์มใต้เบาะและคู่มือด้านหลังซ้ายของรถ ค่าวัดปริมาณลมยางในบ้านเราส่วนใหญ่จะใช้หน่วยเป็นปอนด์ต่อตารางนิ้ว หรือ PSI ซึ่งปริมาณลมยางที่แนะนำคือควรเติมในระดับมาตรฐานที่ทางโรงงานผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ได้ออกแบบรถคันนั้นๆ ไว้ หรืออาจเติมในปริมาณที่เหมาะสมกับการใช้งานตามที่บอกไปข้างต้นก็ได้เช่นกัน แต่ต้องให้สอดคล้องกับน้ำหนักที่รถมอเตอร์ไซค์ต้องรองรับด้วย หากมีการเปลี่ยนยางโดยที่ไม่ใช่แบบเดียวกับยางที่ติดรถมา ให้ลองถามปริมาณลมยางที่ต้องเติมจากผู้จำหน่าย วิธีเติมลมยางรถมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเอง 1.ตั้งค่าแรงดันลมยาง ถ้ายังไม่เชี่ยวชาญแนะนำให้ตั้งค่าตามคำแนะนำที่ติดไว้บนรถมอเตอร์ไซค์หรือในคู่มือรถ แต่หากเคยเติมลมยางมอเตอร์ไซค์ด้วยตัวเองอยู่บ่อยๆ จนคุ้นเคยแล้วก็สามารถปรับค่าแรงดันลมยางตามต้องการได้เลย 2.เปิดจุกเติมลมบนล้อที่ต้องการเติม 3.เสียบหัวเติมลมเข้าไปที่จุกลมตรงๆ ออกแรงกดเล็กน้อยและรอจนกว่าจะได้ยินสัญญาณแจ้งเตือนจากแท่นเติมลม 4.ปิดจุกเติมลมให้แน่นแล้วเก็บหัวเติมลมที่แท่นเติมลม

เคล็ดลับขี่มอเตอร์ไซค์ให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

1. อย่าเร่งเครื่องทันที การเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ทันที ไม่ว่าจะด้วยความเคยชินหรือเร่งรีบ ก็เป็นสิ่งที่เราไม่แนะนำให้ทำถ้าคุณต้องการขี่มอเตอร์ไซค์แบบประหยัดน้ำมัน แม้ว่าวิธีดังกล่าวจะทำให้รถออกตัวแรงและเร็ว แต่นั่นก็หมายถึง การจ่ายน้ำมันไปยังห้องเผาไหม้เชื้อเพลิงมากขึ้นเช่นกัน 2. เลือกใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็ว ในกรณีที่รถมอเตอร์ไซค์ของคุณไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโตเมติก การใช้เกียร์ที่ไม่เหมาะสมกับความเร็ว หรือ การขี่แบบลากเกียร์ ก็มีผลทำให้เปลืองน้ำมันได้เช่นกัน ควรเลือกใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็วจะได้ประหยัดทั้งน้ำมันและเป็นการรักษาสภาพเครื่องยนต์ไปในตัวด้วย 3. เบรกเท่าที่จำเป็น ระบบเบรกถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความปลอดภัยในการขี่มอเตอร์ไซค์เป็นหลัก แต่เพื่อการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน แนะนำว่า ควรใช้เบรกเมื่อจำเป็นเท่านั้น 4. ใช้ความเร็วคงที่ เมื่อพูดถึงเรื่องความเร็วที่ช่วยให้คุณขี่มอเตอร์ไซค์ได้อย่างประหยัดน้ำมันมากขึ้น นอกจากการค่อยๆ ไต่ระดับความเร็ว ไม่เร่งเครื่องแรงๆ ตอนออกตัว และหลีกเลี่ยงการขี่แบบลากเกียร์แล้ว การรักษาระดับความเร็วให้คงที่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ควรทำ 5. หมั่นเช็กลมยางเสมอ ถ้าปล่อยให้มอเตอร์ไซค์ลมยางอ่อน หน้ายางก็จะสัมผัสกับพื้นถนนมากขึ้น ข้อเสียนอกจากทำให้ยางรถมอเตอร์ไซค์เสื่อมสภาพเร็วขึ้นแล้ว ยังทำให้เปลืองน้ำมันมากขึ้นด้วย