หน้าฝนแบบนี้การท่องเที่ยวแนวธรรมชาติน่าจะเหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเดินป่า ขึ้นเขา หรือลุยน้ำตก เพื่อนๆ ก็จะได้พบความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอย่างที่หาจากฤดูไหนไม่ได้ ลองจินตนาการดูสิว่าถ้าได้ตื่นมาโดยมีทะเลหมอกหนาๆ
ในตอนเช้าโอบล้อมรอบตัว รวมถึงอากาศเย็นๆ ในวันฝนตก สูดไอดินกลิ่นธรรมชาติจะฟินขนาดไหน
1.ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์
ภูสอยดาว เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ ที่เหล่านักเดินป่าต่างนิยมไปกัน ซึ่งในชวงฤดูฝนจะมีสายหมอกลอยต่ำลงมาปกคลุมทั่วทั้งป่า บวกกับต้นไม้ที่มีความขจีเชิญชวนน่าสัมผัส นอกจากนี้ยังมีดอกหงอนนาคก็ผลิดอกให้เห็นกันในช่วงนี้ด้วย
ทำให้ภูสอยดาวเป็นแหล่งท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งเลยทีก็ว่าได้
2.ขุนสถาน จังหวัดน่าน
ขุนสถาน เป็นสถานที่อันเงียบงบ ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน ยิ่งในช่วงฤดูฝน จะมีอากาศอันหนาวเย็น เต็มไปความเขียวขจีของภูเขาและต้นไม้ ความสวยงามของทะเลหมอก และบรรยากาศแสนสดชื่น ใครที่ชอบความสงบ แนะนำว่าลองไปเที่ยวขุนสถานช่วงหน้าฝน
รับรองว่า ฟินกับธรรมชาติแบบเต็มปอดกันแน่นอน
3.บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก จังหวัดกาญจนบุรี
บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยหมอกปกคลุมในช่วงฤดูฝน ทำให้อากาศเย็นสบาย เต็มไปด้วยความสงบที่หาได้ยากมาก เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบจริงๆ นอกจากนี้ยังมีแลนมาร์กห้ามพลาดอย่าง จุดชุมทะเลหมอกบนเนินช้างศึก
ใครที่อยากโอบกอดทะเลแบบฟินๆ ลองไปสักครั้งไม่มีผิดหวังแน่นอน
4.ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก
ใครที่ชอบกิจกรรมแอดเวดเจอร์ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ คงหนีไม่พ้น การล่องแก่งแน่นอน และกิจกรรมล่องแก่งที่ท้าทายบนสายน้ำที่เชียวกรอก ก็ต้องเป็นลำน้ำเข็กแห่งนี้ เพราะสนามล่องแก่งอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่มีความสนุกมาก
เพราะมีปริมาณน้้ำฝนเยอะพอดี แถมเส้นทางล่องแก่งยังมีความตื่นเต้น ทำให้ทั้งเส้นทางการล่องแก่งเต็มไปด้วยความสนุกสนานและท้าท้าย
5.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
แหล่งธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ ใกล้กรุงเทพฯ ยอดนิยมที่ใช้เวลาเดินทางไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น สำหรับในช่วงฤดูฝน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แห่งนี้ จะมีสภาพป่าชุ่มฉ่ำ ทุ่งหญ้าเขียวขจีสดสวย น้ำตกทุกแห่งไหลแรง
เหมาะกับการท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติอย่างแท้จริง ใครที่ต้องการสัมผัสกับธรรมชาติแบบใกล้ๆ เดินทางไม่นาน